รมช.กนกวรรณ แสดงความยินดีเยาวชนอาชีวะ พร้อมหารือร่วมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน-สมาคมเอกชนนอกระบบ-ผู้ประกอบการญี่ปุ่น เพื่อพัฒนานักเรียน-นักศึกษาเอกชนสู่ตลาดงานประเทศญี่ปุ่น

เมื่อวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 เวลา 10.50 น นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พบปะและหารือการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนทางวิชาการ ทักษะภาษา และการไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมแสดงความยินดีกับนักศึกษาอาชีวศึกษาในโครงการประชุมทางวิชาการ การดูงานสถานศึกษา และความร่วมมือทางการศึกษา ระหว่างสถานศึกษาเอกชนในประเทศไทยกับสถานประกอบการชาวญี่ปุ่น โดยมี นายพีระศักดิ์ รัตนะ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนและผู้บริหารสมาคมเอกชนนอกระบบ สื่อมวลชน ครูอาจารย์และนักศึกษา ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการนครนายก วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี วิทยาลัยเทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี วิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีคาริสา โรงเรียนพรเมตตาคริสเตียน โรงเรียนฐานปัญญา โรงเรียนสอนภาษาศุขวัฒน์อรัญประเทศ และโรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนลเอ็ดดูเคชั่นแคเรียร์ (หลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ) พร้อมด้วยผู้บริหารสถานประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น นำโดยคุณธาดา แดนลินจงเด่น กรรมการผู้จัดการบริษัทจัดหางาน Maju-Jaya จำกัด และคุณทาคาโยะ ซูซูกิ ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ องค์กรดูแลผู้ฝึกงานทางเทคนิค KSK เข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันตลาดแรงงานในต่างประเทศ มีความต้องการแรงงานไทยเป็นอย่างมาก เกิดจากปัจจัยหนุนนำที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มกลับมาฟื้นฟูประเทศ เพื่อให้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจกลับมาสู่สภาพปกติ ซึ่งกำลังแรงงานถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดของภาคธุรกิจ และแรงงานไทยก็เป็นประเทศลำดับแรก ๆ ที่ตลาดแรงงานในต่างประเทศต้องการ เนื่องจากมีวินัย มีทักษะฝีมือดี ประกอบกับประเทศไทยมีการบริหารจัดการโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีจนเป็นที่ยอมรับ ทำให้โอกาสของแรงงานไทยในการไปทำงานต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งแรงงานประเภทฝีมือและกึ่งฝีมือ

โครงการประชุมทางวิชาการ การดูงานสถานศึกษา และความร่วมมือทางการศึกษา ระหว่างสถานศึกษาเอกชนในประเทศไทยและสถานประกอบการชาวญี่ปุ่น จึงเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มช่องทางให้แรงงานไทย ได้มีตลาดงานในต่างประเทศมากขึ้น ที่จะเป็นการลดปัญหาการว่างงานที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาจะได้รับการเตรียมตัวและพัฒนาตนเองเพื่อการไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งด้านวิชาการ ทักษะภาษา ทักษะวิชาชีพ ตลอดจนการให้ทุนการศึกษาและคำแนะนำในการไปเรียนในช่วงภาคฤดูร้อนหรือเรียนต่อที่ญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ภายใต้ความร่วมมือของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน โรงเรียนเอกชนนอกระบบ และสถานประกอบการประเทศญี่ปุ่น ยังได้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากร การสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ และสื่อการเรียนการสอนด้วย

“ในนามกระทรวงศึกษาธิการ ขอแสดงความชื่นชมการดำเนินโครงการและขอให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ และในรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่รับผิดชอบดูแลการจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชน ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาเอกชนในระบบและนอกระบบให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียนในยุคดิจิทัล และสอดคล้องกับความต้องการแรงงานของทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอาชีพ และส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสและประสบการณ์แก่นักศึกษาไทยให้ได้ไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ที่จะเป็นการยกระดับศักยภาพการทำงานสู่การพัฒนาประเทศไทยในอนาคต พร้อม ๆ กับนักศึกษาได้มีรายได้ส่งกลับมาให้ครอบครัว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง

ซึ่งแน่นอนว่า การทำงานในต่างประเทศต้องให้ความสำคัญกับทักษะภาษาควบคู่กับทักษะการทำงานในสาขาเฉพาะทาง จึงขอฝากให้ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนและผู้บริหารเอกชนนอกระบบ ได้ร่วมวิเคราะห์บทบาทหน้าที่และแนวทางในการพัฒนาผู้เรียน ทั้งในด้านภาษาเพื่อการสื่อสารและการมีงานทำ ทักษะฝีมือที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดงาน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมเสนอแนะปัญหาอุปสรรค หรือข้อคิดเห็น ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการผลักดันเป็นนโยบายพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำงานสอดคล้องกับตลาดงานทั้งในและต่างประเทศต่อไป” รมช.ศึกษาธิการ

        ในโอกาสนี้ รมช.ศึกษาธิการ ได้แสดงความยินดีกับนักศึกษาจากโครงการฯ ที่ผ่านการสอบคัดเลือกเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกล่าวว่า นักศึกษาทั้งสองคนถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง ในการพัฒนาตนเองเพื่ออนาคตที่ดี ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จ มีความปลอดภัยและมีความสุขทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตตลอด 3 ปีที่ประเทศญี่ปุ่น โดยฝากให้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งทักษะการทำงาน และทักษะทางด้านภาษา ที่จะต้องมีการทดสอบเลื่อนระดับการสื่อสารขึ้นไปเรื่อย ๆ ควบคู่กับการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมด้วย

1/8/2565