รองนายกฯ วิษณุ-คุณหญิงกัลยา นำทีม คกก.ปฐมวัยระดับชาติ หนุนแคมเปญ “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ฟื้นฟูพัฒนาการเด็กหลังโควิด

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2565 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ครั้งที่ 3/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Cisco WebEx Meeting โดยมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิดส่งผลให้เกิด ภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) ในเด็กปฐมวัย คณะกรรมการฯ จึงได้เสนอโมเดล “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เป็น แนวทางฟื้นฟูพัฒนาการ และเยียวยาเด็กปฐมวัยในภาวะเปราะบาง ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้พัฒนา Website “ปฐมวัยไทยแลนด์” และฐานข้อมูล Youth Link เชื่อมโยงข้อมูลเด็กปฐมวัยจากทุกหน่วยงาน เพื่อประกอบการจัดทำนโยบายและช่วยเหลือการเข้าถึงสิทธิด้านต่าง ๆ โดยได้กำชับให้ดำเนินการอย่างมีธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA)

ด้าน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเสริมว่า ผลวิจัยจากหลายหน่วยงานชี้ว่า การปิดสถานศึกษาในช่วงโควิดส่งผลให้เด็กปฐมวัยมีทักษะด้านภาษาและคณิตศาสตร์ที่ถดถอยลง ที่ประชุมจึงได้เสนอ #การเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการสอน เพื่อช่วยให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้ผ่านการสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่อาจประยุกต์จากกิจวัตรในบ้านสู่ห้องเรียน ทำให้เด็กได้ฝึกการสื่อสาร ฝึกการคำนวณ และมีความภาคภูมิใจจากการพึ่งพาตนเอง สำหรับโมเดล “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เป็นแนวทางฟื้นฟูพัฒนาการเด็กปฐมวัย ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง และการสร้างการเรียนรู้ทุกระดับของสังคม ประกอบด้วย

3 เร่ง ได้แก่

1. เร่งกำหนด “การฟื้นฟูเด็กปฐมวัย” เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และเป็นไปทั้งระบบจนเกิดผล

2. เร่งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง

3. เร่งค้นหา เยียวยา และพัฒนาเด็กในภาวะเปราะบาง

3 ลด ได้แก่

1. ลดการใช้สื่อจอใสในเด็กปฐมวัยอย่างจริงจัง

2. ลดความเครียดคืนความสุขแก่เด็ก

3. ลดการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก

3 เพิ่ม ได้แก่

1. เพิ่มกิจกรรมฟื้นฟูพัฒนาการที่เสียไป โดยเฉพาะเพิ่มกิจกรรมทางกาย เพิ่มการอ่านนิทาน และเพิ่มการเล่น

2. เพิ่มสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า

3. เพิ่มศักยภาพบุคลากรและระบบนิเวศใกล้ตัวเด็ก ผ่านการเสริมพลังครอบครัว สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และเครือข่ายชุมชน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมรับทราบแนวทางการฉีด #วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ฝาสีแดง ป้องกันโควิด19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นชอบแล้ว โดยจัดระบบการให้บริการฉีดวัคซีนทั้งในและนอกหน่วยบริการสาธารณสุข เช่น ในสถานสงเคราะห์เด็ก ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน หรือในสถานที่เกี่ยวข้องดูแลเด็กอื่น ๆ ทั้งนี้ จะดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ และมาตรฐานการให้บริการวัคซีน รวมถึงมีระบบรายงานผลการสังเกตอาการหลังการฉีดวัคซีนด้วย

[Sassy_Social_Share]